เพียงแค่ฝนตกลงที่หน้าต่างในตอนเช้า~ เมื่อฤดูฝนมาเยือนถึงแม้ว่าจะช่วยให้อากาศในบ้านเราเย็นสบายขึ้น แต่คงมีหลายคนที่กำลังเกลียดหน้าฝนนี้อยู่ เพราะนอกจากเจ้าฝนนี่จะทำให้เราเปียกเวลาเดินทางออกไปข้างนอก อาจจะไป ทำงาน ไปเรียน ไปหาอะไรทาน ทำให้เราต้องเปียกปอนตัวชื้นๆ อยู่ทุกที และยังทำให้สุขภาพของเราแย่ลงป่วยง่ายอีกต่างหาก ยิ่งผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงต้องเสี่ยงกับการเจ็บป่วย ซึ่งโรคตาแดงเป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่เป็นกันในช่วงหน้าฝน แต่เอ๊ะ !! ทำไมต้องเป็นตอนฤดูฝน ฤดูกาลอื่นเป็นไม่ได้เหรอ?
ไม่ต้องรอให้ถึงฤดูฝน เราก็สามารถที่จะเป็นโรคตาแดงได้ เพราะโรคนี้แท้จริงแล้วเกิดขึ้นได้ทุกช่วงฤดูกาล เพียงแต่ในฤดูฝนนั้นน้ำจะนองที่พื้น น้ำขังบ้าง หรือเรามีโอกาสที่จะสัมผัสน้ำได้ง่ายกว่าโดยเฉพาะน้ำสกปกรกที่อาจจะดีดเด้งกระเด็นเข้าสู่ดวงตาของเราเมื่อไหร่ก็ได้และง่ายกว่าฤดูกาลอื่น และที่สำคัญเจ้าแบคทีเรียที่ชื่อว่า อดีโนไวรัส (Adenovirus) นั้น เจริญเติบโตได้ดีในช่วงนี้และแฝงตัวอยู่ในน้ำสกปรกหรือฝุ่นที่ปลิวเข้าดวงตาจนทำให้เกิดโรคตาแดง (Pink Eye หรือ Conjunctivitis)
ตาแดง คือ อะไร?
ตาแดง (Pink Eye หรือ Conjunctivitis) คือ ความผิดปกติของดวงตาที่ตอบสนองต่อการได้รับเชื้อโรค ซึ่งมีอาการที่เห็นได้ชัดเลยคือ ลูกตาจะเป็นสีแดงเนื่องจากหลอดเลือดฝอยขยายตัวมากขึ้น ในกรณีที่เป็นตาแดงแบบทั่วไปจะสามารถหายได้ภายใน 1-2 วัน ทั้งนี้ต้องมีการดูแลตนเองที่ดีในระดับหนึ่ง แต่หากเราปล่อยปะละเลยไม่ดูแลหรือรักษาตามอาการ ‘โรคตาแดง’ อาจเกิดการผิดปกติมากยิ่งขึ้น และวิธีการดูแลรักษาจะยากขึ้นตามไปด้วย
โรคตาแดงมีหลายอาการดังนี้
1. อาการทั่วไป คือ ระคายเคือง แสบตา น้ำตาไหล มีขี้ตามากกว่าปกติ รู้สึกดวงตาแสบแดง
2. อาการที่เกิดจากเชื้อไวรัส คือ แพ้แสง หนังตาบวม ต่อมน้ำเหลืองกกหูบวมกดแล้วรู้สึกเจ็บ มีอาการร่วม คือ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก
3. อาการที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย คือ ตาแฉะ มีน้ำตาไหลหรือมีขี้ตาสีเขียวหรือเหลืองในปริมาณมาก บางรายลืมตาได้ แต่อาจมองเห็นไม่ชัด ซึ่งอาการจะคล้ายกับการติดเชื้อไวรัส
4. อาการที่เกิดจากการระคายเคืองหรือแพ้ แม้ว่าอาการโดยรวมไม่รุนแรง แต่จะรู้สึกแสบตา คันเปลือกตาและหัวตา และมักจะมีน้ำตาไหล
นอกจากสาเหตุของการโดนน้ำไม่สะอาดและฝุ่นผงที่เข้าดวงตา ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคตาแดงได้ ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตนให้ถูกสุขลักษณะดังนี้
1. เลี่ยงการสัมผัสน้ำที่สกปรก หลีกเลี่ยงการไปเล่นน้ำที่เป็นแหล่งน้ำท่วมขัง หรือว่ายน้ำร่วมกับคนป่วยตาแดง
2. เมื่อโดนน้ำไม่สะอาดกระเด็นเข้าตา ควรรีบล้างออก อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะเชื้อโรคจะทำให้เยื่อบุตาอักเสบและเสี่ยงต่อโรคได้
3. ไม่อยู่ใกล้กับคนที่ป่วยเป็นโรคตาแดง เพราะจะทำให้ติดต่อกันได้ง่าย และงดใช้ของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า
4. รักษาความสะอาด ซักผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน และล้างมือให้สะอาด เลี่ยงการเอามือไปสัมผัสดวงตาบ่อยๆ
5. ไม่อยู่ในพื้นที่แอดอัดเสี่ยงต่อการหายใจ ไอ จามรดกัน เช่น รถโดยสารสาธารณะ สถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น
หากเป็นโรคตาแดงแล้วควรทำอย่างไร?
1. ควรพักผ่อนสายตา และลาหยุดงานจนกว่าจะหายเพื่อลดการระบาดของโรคไปสู่ผู้อื่น
2. หากมีน้ำตาให้ใช้ผ้าซับน้ำตา ไม่ควรใช้ผ้าซับน้ำตาผืนเดิมซ้ำๆ
3. ใช้ยาหยอดตาของแพทย์ เมื่อรู้สึกคันแทนการขยี้ตา หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป
หากคุณกำลังป่วยเป็นโรคตาแดงนั้นควรรีบรักษากับแพทย์เฉพาะทางแบบด่วนๆ เพื่อหยุดเชื้อหยุดอาการไม่ให้ลุกลามไปสู่บริเวณอื่นได้ เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ หากรู้แล้วว่าเราสามารถที่จะป่วยเมื่อไหร่ก็ได้ การที่เราดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอนั้นจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายมีเกราะป้องกันในการเผชิญกับโรคภัยต่าง ๆ ได้ ซึ่งการกินอาหารที่มีประโยชน์ กินผักผลไม้ให้ได้ 400 กรัม/วัน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การดื่มน้ำสะอาด ไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มแอลกอฮอล์นั้น เป็นสิ่งที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เน้นย้ำมาตลอด เพื่อให้คนไทยใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันการเกิดโรคภัย และสร้างให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรงรู้วิธีการดูแลสุขภาพของตนเองได้