อ้วนง่าย เพราะนิสัยเราเอง ดังนั้นเรามาดูกันเถอะว่ามีอะไรบ้าง

อ้วนง่าย เพราะนิสัยเราเอง เพื่อนๆและสาวๆที่อ้วนง่ายเพราะนิสัยเราเองหรือเปล่าที่ทำให้เราอ้วนโดยไม่รู้ตัว เพราะว่าการที่เราทำตัวชินกับนิสัยบ้างอย่างโดยที่เราทำบ่อยๆ จะทำให้เราหุ่นเปลี่ยนหรืออ้วนขึ้นได้ง่ายมากๆเลยนะ วันนี้เราเลยมาบอกนิสัยอ้วนง่าย ที่เพื่อนๆและสาวๆต้องระวังกันละ 

-กินไปด้วย ชอบทำอะไรไปด้วย

ไหนใครที่กินไปด้วยชอบดูซีรีย์ไปด้วย กินไปด้วยทำงานไปด้วย หรือ กินไปด้วยนั่งเล่นมือถือไปด้วย เพื่อนๆ และสาวๆ รู้หรือไม่ว่าจริงๆการที่เรากินแบบนี้ และทำอย่างอื่นไปด้วย นั้นถือว่าเป็นนิสัยที่ต้องระวังมากๆๆ เพราะว่ามันจะทำให้เราเพลิดเพลินกับการกินและบางทีไม่รู้ตัวว่าเรากินเยอะไปขนาดไหนแล้ว 

-ชอบชวนกันไปกินบุฟเฟ่ห์บ่อยๆ 

เพื่อนๆและสาวๆ คนไหนที่ มีวันหยุดทีไร นัดกันไปกินทุกครั้งและกินกันแบบหนักแบบบุฟเฟ่ห์ตลอดเวลา เพื่อนๆและสาวๆ เชื่อหรือไม่ว่าการที่เราไปกินบุฟเฟ่ห์บ่อยๆ จะทำให้เพื่อนๆและสาวๆ ติดการกินหนักหรือกินเยอะขึ้นโดยไม่รู้ตัว และกินการกินแต่ละครั้งก็ทำให้เราได้ แคลอรี่สูงกลับมาอีกด้วย หากไปกิ นบ่อยๆ ก็จะสะสมไขมันได้ง่ายมากๆ เลยละ

-ให้รางวัลตัวเองทุกครั้งด้วยการกิน

เพื่อนๆและสาวๆ หลายๆคน ที่ทำงาน มาอย่างหนัก และอยากจะให้รางวัลตัวเอง แต่ดันชอบเลือกการให้รางวัลให้กับตัวเองด้วยการกิน ซึ่งหากเพื่อนๆ และสาวๆ ให้รางวันตัวเองบ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันมีโอกาสที่เพื่อนๆและสาวๆให้รางวัลเป็น ชานมไข่มุก พิซซ่า ต่างๆ ซึ่งการให้รางวัลบ่อยๆ แบบนี้อ้วนง่ายมาก

-กินไม่สนใจแคลอรี่

เพื่อนๆและสาวๆ หลายๆ คนอ้วนง่าย รูปร่างเปลี่ยนจากการกินนั้นเป็นเพราะว่าเพื่อนๆและสาวๆ    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ    อยากกินก็กิน แต่บางคนกินแบบไม่สนใจ แคลอรี่เลย การที่เรากินแคลอรี่เกินต่อวันบ่อบยๆจะทำให้เราอ้วนง่ายและยังทำสะสมไขมันได้ง่ายจากการที่เรากินไม่สนใจแคลอรี่ด้วยนะ เพราอาหารบางอย่างแคลอรี่สูงมากๆ

-เบื่อแล้วหาอะไรกิน

เพื่อนๆและสาวๆ คนไหนที่เบื่องาน เบื่อคน เบื่อบรรยากาศ ต่างๆ ดันเป็นคนที่เบื่อแล้วชอบหาอะไรกิน แบบนี้อันตรายมากๆ การที่เราเอาความรู้สึกไปพวงกับการกินนี่อันตรายมาก เพราะว่าเบื่อ เศร้า เครียดหรือมีความสุขแล้วเลือกที่จะกินๆๆๆ นั้นทำให้เพื่อนๆ และสาวๆกินอาหารที่ไม่จำเป็นหรือเกินความต้องการและกลายมาเป็นไขมันในร่างกายได้ง่ายๆ นะ

การลดน้ำหนักแบบสาวๆ เกาหลี

การลดน้ำหนักแบบสาวๆ เกาหลี เพื่อนๆและสาวๆ เห็นใช่ไหมละ ส่วนใหญ่สาวๆ เกาหลีนั้นมีหุ่นที่ผอมเพรียว หรือ บางคนผอมไม่พอมีความฟิต ดูแล้วดึงดูดมากๆ เลยละ แต่เพื่อนๆและสาวๆ เชื่อหรือไม่ว่ากว่าสาวๆเกาหลีกว่าจะมีหุ่นแบบที่เราเห็นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

-พยายามกินอาหารที่มีจากธรรมชาติ

สาวๆเกาหลีเลือกการกินอาหารที่มาจากธรรมชาติที่สุดและไม่ผ่านการแปรรูป เพราะพวกเธอมาองว่าอาหารที่มาจากธรรมชาติจะทำให้ร่างกายเธอดูซึมคุณค่าและสารอาหารได้มากที่สุด ในทางกลับกันพวกเธอจะเลี่ยงหรือไม่กินอาหารที่ผ่านการแปรรูปเลย

-ดื่มอเมริกาโน่

เพื่อนๆ เชื่อเปล่า สาวๆเกาหลีเค้าติดกาแฟดำ หรือ อเมริกาโนกันมากๆ วันหนึ่งกินที่ 2-3 แก้วเลยนะ และไม่กินน้ำหวานอื่นๆ ด้วยนะ เพราะว่าสาวๆ เกาหลี นั้นต้องการตัวช่วยเรื่องการกระตุ้นระบบเผาผลาญโดยที่ไม่ทำให้แคลอรี่เพิ่มขึ้นนั้นเอง และนอกจากนี้การดื่มอเมริกาโน่ยังทำให้พวกเธอรู้สึกสดชื่นระหว่างวันอีกด้วย

-ออกกำลังกายกันหมด

สาวๆ เกาหลีนอกจากการควบคุมการกินแล้ว ยังเน้นการออกกำลังกายด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นในฟิตเนส หรือ เล่นพิลาทิส หรือ กีฬาต่างๆ out door หรือ in door พวกเธอลุยหมด เพราะว่าพวกเธอเชื่อว่าการออกกำลังกายเป็นวิธีในการกระตุ้นและช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี และยังช่วยให้พวกเธอมีร่างกายที่ฟิต และลีนได้ดีอีกด้วย

-ควบคุมปริมาณการกิน

การที่พวกเธอกุ่นดีหรือมีร่างกายที่ดูดี นอกจากการเลือกกินอาหารที่ดีแล้ว พวกเธอจะควบคุมปริมาณการกินด้วย พวกเธอจะกินให้ร่างกายรู้สึกอื่ม แต่จะไม่กินจนจุกเด็ดขาด พวกเธอมองว่าการที่เรากินที่ดีต้องควบคุมปริมาณอาหารที่ดีด้วยนะ กินอาหารที่ดีแต่กินมากไปก็อ้วนได้นะ

-ดื่มน้ำให้เยอะ 

พวกเธอนั้นนอกจากเลือกกินอาหารที่ดี ควบคุมปริมาณแล้ว ยังดื่มน้ำให้เยอะอีกด้วย นี่คือเหตุผลที่สาวๆ ผิวดีด้วยนะ พวกเธอจะกำหนดการดื่มน้ำในแต่ละวันของพวกเธอเลย จะค่อยๆจิบไปเรื่อยๆ ทั้งวันให้ได้ตามที่เธอกำหนด เพื่อหุ่นทีดี่และสุขภาพที่ดีของเธอนั้นเอง

-วิตามินเสริม

พวกเธอจะกินวิตามินเสริมเพื่อให้ร่างกายไม่ขาดวิตามินใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิว เรื่องสายตา เรื่องระบบต่างๆ ของร่างกาย เพราพวกเธอเชื่อว่าการที่ร่างกายมีวิตามินที่ครบถ้วนจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและไม่ทำให้ระบบใดๆก็ตามทำงานได้อแย่ลง 

-การพักผ่อน 

สาวๆ เกาหลี เค้าให้การดูแลตัวเองหลายๆ ด้าน หนึ่งในนั้นก็คือการนอนเพราะว่าพวกเธอมองว่าการนอนเนี้ยละที่จะช่วยทำให้ร่างกายเธอฟื้นฟูทำงานได้ดี และยังเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักด้วย

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

วิธีเริ่มต้นในการลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน ฉบับง่ายๆ 

วิธีเริ่มต้นในการลดน้ำหนัก ทุกคนนน ใครที่อยากลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน มันไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิดหรอกนะ แต่เพื่อนๆ แ ละสาวๆ อาจจะยังศึกษาข้อมูลไม่มากพอ เพราะจริงๆ การเริ่มต้นลดน้ำหนักหรือลดความอแวนมันไม่ยากเท่าไรนะ และหากเพื่อนๆและสาวๆ ทำอย่างต่อเนื่องมันจะกลายเป็นนิสัยและไลสไตล์ได้เลยนะ และหลังจากนี้มันก็จะทำให้เพื่อนๆ และสาวๆ ลดน้ำหนักไม่ยากอีกต่อไป

-ตื่นเช้ามา ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวได้เลยนะ

ทุกคนนน ใครที่ไม่เคยตื่นมาแล้วดื่มน้ำอุ่น ลองดื่มดูนะ เพราะมันจะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายเราตอนเช้าได้เป็นอย่างดีเลยละ หรือ หากใคร สะดวกที่จะดื่มเป็นน้ำอุ่น ผสม น้ำมะนาวแล้วละก็ สามารถทำได้เหมือนกันนะ เพราะมันจะยิ่งช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ตื่นตัวเลยละ 

-กินอาหารเช้าด้วยนะ 

เชื่อว่าหลายๆ คน ทั้งที่มีเวลากินข้ามเช้าและไม่มี ส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญในการกินอาหารมื้อเช้าละ ซึ่งจริงๆ แล้วมันสำคัญและจำเป็มากๆ เพราะว่าการที่เพื่อนๆ และสาวๆ กินอาหารมื้อเช้าจะทำให้เพื่อนๆ และสาวๆ ไม่หิว หรือ โหย ในมื้อถัดๆไปได้ดี และยังเป็นการกระตุ้นระบบการย่อยที่ดีของเราในตอนเช้าด้วยนะ

-เน้นการกินโปรตีนให้มาก

เพื่อนๆ และสาวๆ ที่กินอาหารที่ดีแล้ว สิ่งที่สำคัญที่ต้องให้ความสำคัญนั้นก็คือการกินโปรตีนให้มากๆ การกินโปรตีนต้องเลือกกินโปรตีนลีนๆ หรือ กินโปรตีนดีๆ อย่าง อกไก่ เนื้อปลา ไข่ เนื้อหมู เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้ที่เราต้องกินมากเป็นพิเศษเพราะเพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อหาระหว่างการลดน้ำหนัก แถมมันยังทำให้อิ่มนานด้วยนะ 

-อย่าลืมกินผักและผลไม้ด้วยนะ

เพื่อนๆ และสาวๆ ที่อยากจะมีหุ่นที่ดี หรือ อยากลดความอ้วน นั้นอย่าลืมใส่ใจการกินผักนะ เพราะการกินผักเยอะๆ จะช่วยเพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกายเป็นอย่างดี ซึ่งมีผลต่อระบบขับถ่ายนั้นเอง นอกจากนี้ เพื่อนๆ ก็สามารถกินผลไม้ได้ด้วยนะ แต่พยายามเน้นผลไม้ที่ไม่หวานนะ จะได้น้ำตาลเข้าร่างกายไม่เยอะไป

-ดื่มชาเขียว หรือ กาแฟดำ ช่วยได้ 

เพื่อนๆและสาวๆ ที่ชอบหิวบ่อยๆ อยากน้ำหวาน แนะนำว่าควรจะหันมาดื่มชาเขียว กาแฟดำ แทนนะ แต่ต้องไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นม นะ มันจะช่วยทำให้คลายความหิวและยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ดีด้วยนะ ลองหันมาดื่มดูสิ 

-หาอาหารว่างที่ประโยชน์

หากเพื่อนๆ คนไหนที่หิวบ่อย หามื้อว่างได้เลยนะ แต่ต้องมีประโยชน์ด้วยละ อย่างถั่วเปลือกแข็ง ต่างๆ หรือ กรีกโยเกิร์ต นะ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

นมแม่สร้างพลังชีวิตให้ลูก

นมแม่สร้างพลังชีวิตให้ลูก พลังชีวิตภายในร่างกายแล้วก็จิตใจของผู้คนซึ่ง ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เป็นพลังบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนผ่านอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย คนจีนโบราณมั่นใจว่า การมีร่างกายแข็งแรง อยู่อย่างเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าได้นั้น ควรมีพลังชีวิต

นมแม่..สร้างสายใยสายสัมพันธ์แม่ลูก

การให้ลูกน้อยดื่มน้ำนมแม่ เป็นช่วงๆเวลาพิเศษสุดที่แม่ – ลูกได้อยู่ด้วยกัน สนิทสนม และก็สามารถสื่อถึงความรู้สึกทั้งสิ้นของแม่ถึงลูกน้อยโดยไม่ต้อง ผ่านตัวกลางใดๆก็ตาม นำมาซึ่งความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างลูกแล้วก็พ่อ แม่ ทําให้ลูกยิ้มแย้มแจ่มใส แฮปปี้ ทำความเข้าใจแล้วก็ปรับพฤติกรรมทางด้านสังคมได้ดี

นมแม่ ทุนสมองของลูก

เชาว์สติปัญญา (IQ) เกิดจากรากฐานทางด้านกรรมพันธุ์ที่ได้รับ จากบิดามารดา การชุบเลี้ยง รวมทั้งการให้อาหารที่สมควร การเลี้ยงลูกด้วย สมองที่ถูกกระตุ้นอยู่เป็นประจำแบบนี้ จะมีการแตกกิ่งก้านสาขาของเซลล์ ประสาทอย่างใหญ่โต  เพิ่มการเชื่อมต่อของเส้นใยสมองของเส้นประสาท จะรับสัญญาณการเรียนรู้เร็วขึ้น

เรื่องจริงข้อนี้ได้รับการรับรองจากการวิเคราะห์การเรียนรู้ ทั้งหมดทั้งปวงขององค์การอนามัยโลก ในปี 2556 เปรียบเข้ากับกลุ่มเด็กที่ ได้รับนมแม่ และก็กลุ่มเด็กที่ได้นมผสม เมื่อเด็กอายุ 6-23 เดือน พบว่า ช่วงเวลาของการให้นมแม่จะสัมพันธ์กับการเพิ่มเชาว์ สติปัญญา ยิ่งได้รับนมแม่นานกว่า 6 เดือน เพิ่มเชาว์สติปัญญาสูงขึ้นมากยิ่งกว่า เด็กที่ได้นมแม่น้อยกว่า 6 เดือน

การให้นมลูกสร้างพลังชีวิตให้แม่

1.ทางร่างกายและจิตใจ ต้องการบำรุงเด็กอ่อน การให้ลูกรับประทานนมแม่ทันที่หลังจากการคลอด จะช่วยเพิ่ม ระดับฮอร์โมน และก็ ออกซิโทซิน ขึ้นภายในร่างกาย ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้น

2.หุ่นเพรียวจากให้นมลูก เนื่องมาจากไขมันที่ถูกเก็บภายในร่างกาย ในตอนตั้งท้องจะเป็น เพื่อการทำน้ำนม การยืดช่วงเวลาการเลี้ยงเด็กทารก ของน้ำนมแม่ให้นานขึ้น จะช่วยทำให้แม่สามารถลดความอ้วนตัวดองได้เร็ว การให้ลูกรับประทานนมเป็นประจำหรือ ให้ลูกรับประทานนมแม่เพียงอย่างเดียว ก็เลยมีส่วนสำหรับการช่วยทำให้แม่สามารถ ลดความอ้วนตัวเองได้เร็ว

ป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ

1.คุมกําเนิดตามธรรมชาติ การให้นมลูกเป็นการคุมกําเนิด ตามธรรมชาติที่มีคุณภาพ ในตอน 6 เดือนแรกเพียงแค่นั้น โดยคุณแม่ จำต้องให้นมแม่เพียงสิ่งเดียว

2.สร้างพลังในครอบครัวและสังคม แน่นอนว่า ครอบครัวที่มีแม่ให้นมลูกควรจะมีการปรับตัว ปรับเวลา เพื่อเกิดสมดุลชีวิตสำหรับในการเลี้ยงลูก แต่ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้แน่นแฟ้น และก็อบอุ่น

3.ปัจจุบันนี้ในครอบครัวที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุณพ่อจะเข้ามามีหน้าที่ สำหรับการดูแลแม่ ด้วยการให้กําลังหัวใจให้แม่ไม่เครียด

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน เป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นให้เราเห็นได้บ่อยมาก ๆ ทั้งยังเป็นโรคที่ก่อให้ร่างกายเรานั้นเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่ายในระยะยาวอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นโรคยอดฮิตสำหรับผู้สูงอายุอีกด้วย ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน มักที่จะเป็นบุคคลที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง

จนส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่าง ๆ ขึ้นกับร่างกายได้ โดยปกติแล้วโรคเบาหวาน ถือเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่งที่มีความร้ายแรงและน่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเราไม่เคร่งครัดในวิธีการรักษา หรือรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ ก็อาจส่งผลให้โรคมีอาการกำเริบขึ้นมาจนส่งผลให้เรามีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตลงได้

แต่อย่างไรก็ตาม การเป็นโรคเบาหวานนั้นเป็นโรคที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากไม่ใช่กรรมพันธุ์ โดยต้นกำเนิดของการเป็นโรคเบาหวานนั้น มักที่จะเกิดขึ้นจากการที่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือของหวานมากเกินไป จนส่งผลให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลที่เยอะจนเกินไปนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพร่างกาย  วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคเบาหวาน    ในระหว่างการเป็นโรคเบาหวาน วันนี้เราได้มีวิธีการดี ๆ มาแนะนำเพื่อช่วยให้คุณนั้นสามารถดูแลตนเองได้ง่าย ๆ และเพื่อไม่ให้โรคมีอาการกำเริบขึ้นมาจนรุนแรง จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย 

การควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด ถึงแม้ว่าอาหารจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากาแค่ไหนก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่า สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานแล้วนั้น จำเป็นที่จะต้องเลือกรับประทานอาหาร หรือควบคุมการรับประทานอาหารอย่างเคร่งครัด เพราะจะได้ช่วยไม่ให้อาการของโรคนั้นมีอาการที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ให้ครบทั้ง 3 มื้อ โดยเน้นไปที่ แป้ง เนื้อสัตว์ และผักผลไม้ ซึ่งอาหารดังกล่าวนี้จะยิ่งช่วยทำให้เราเรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น และทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทน้ำตาลสูง เครื่องดื่มชูกำลัง หรือแม้แต่น้ำอัดลม 

หมั่นดูแลสุขภาพเท้าให้ดีอยู่เสมอ ผู้ป่วยโรคเบาหวานส่วนใหญ่มักที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเท้า ดังนั้น การหมั่นดูแลทำความสะอาดเท้าอยู่ตลอดเวลา อย่างสม่ำเสมอ ล้างเท้าให้สะอาดทุกซอกทุกมุม ดูแลทำความเล็บเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นเล็บขบ เพื่อจะทำให้เท้าของเรานั้นไม่มีตุ่มหนองง่าย และเพื่อลดโอกาสในเกิดการอักเสบนั่นเอง 

การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวส่วนใหญ่มักที่จะเป็นโรคเบาหวาน ดังนั้น หากเราอยู่ในระหว่างการรักษาโรคเบาหวานอยู่ ซึ่งวิธีการดูแลตนเองนั้น ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ คือ ควรที่จะควบคุมน้ำหนักตนเองให้อยู่เกณฑ์ปกติ หรืออยู่ในมาตรฐานที่พอดี หรือถ้าหากเป็นไปได้ก็ควรลดน้ำหนักตนเองให้ได้อย่างน้อย 5% จะดีที่สุด  

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย   เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

PROJECTPAN คืออะไรกันแน่

PROJECTPAN คืออะไรกันแน่ ProjectPan เป็นกลุ่มเล็กๆ ในชุมชนเครื่องสำอางที่มีส่วนร่วมในสิ่งที่เรียกว่า Project Pan หรือ Pan That Palette คนรักการแต่งหน้าหลายคนจะรู้จักความรู้สึกเข้มข้นของ FOMO ที่สามารถมาพร้อมกับการแต่งหน้าออกใหม่ รู้สึกเหมือนได้พาเลทอายแชโดว์ รองพื้น หรือลิปสติกใหม่ๆ ออกมาทุกวัน และแต่ละคนก็ตะโกนว่า ‘BUY ME’

การบริโภคที่ไม่หยุดหย่อนนี้สามารถนำไปสู่การใช้จ่ายหลายพันปอนด์หรือดอลลาร์และคอลเล็กชั่นเครื่องสำอางจำนวนมาก

จนไม่สามารถใช้งานได้ตลอดชีวิต จับคู่ปริมาณเครื่องสำอางที่บางคนเป็นเจ้าของกับความจริงที่ว่าเครื่องสำอางทั้งหมดมีวันหมดอายุ (เช่น จานสีอายแชโดว์ส่วนใหญ่จะหมดอายุภายใน 24 เดือน เป็นต้นแต่ในบางครั้งก็สามารถใช้ได้ แต่อาจจะเกิดผลข้าวเคียงในการใช้ขึ้น ก็อาจจะต้องระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย)แล้วคุณจะจบลงด้วยปัญหา

สำหรับบล็อกเกอร์และผู้ชื่นชอบการแต่งหน้าจำนวนมาก Project Pan คือคำตอบแพนเนอร์ อย่างที่พวกเขารู้จัก จะเลือกผลิตภัณฑ์สองสามชิ้นจากที่เก็บเครื่องสำอาง และสร้างความท้าทายให้ตัวเองพยายามใช้ให้หมดภายในระยะเวลาหนึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากก็ตามผลิตภัณฑ์ที่ผู้คนเลือกมีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เครื่องสำอาง น้ำหอม และตัวอย่างฟรี

นอกจากนี้ ผู้คนจะพยายามไม่เปิดสิ่งใหม่ในหมวดหมู่เดียวกัน ดังนั้นหากมูลนิธิอยู่ในถาดโครงการของคุณ  เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่     คุณจะไม่เปิดและเริ่มใช้ใหม่! พวกเขาจะไม่ซื้ออะไรใหม่เว้นแต่จะมีการขายหรือข้อตกลงที่ดีและหายากมากที่จะประหยัดเงินได้มาก ฉันลองใช้ Project Pan เป็นเวลาหนึ่งเดือน และมันก็ยากอย่างเหลือเชื่อ ฉันประหยัดเงินได้มากในขณะที่พยายามทำในช่วงคริสต์มาส ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนขี้ขลาดเครื่องสำอางอย่างฉัน คอลเลกชั่นวันหยุดและคริสต์มาสที่ไม่มีที่สิ้นสุดและรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่อยากจะยั่วยวนใจให้ฉันซื้อมัน

แต่ฉันก็แข็งแกร่งขึ้น มันช่วยให้ฉันมองเห็นคุณค่าในเครื่องสำอางที่ฉันมีและพยายามใช้สิ่งที่มีมากขึ้นที่จะมองหาสิ่งใหม่ และทำให้ฉันรู้ว่าสินค้าหลายชิ้นที่ออกวางจำหน่ายมีอยู่แล้วในคอลเล็กชันของฉันจากแบรนด์อื่น ฉันไม่ต้องการจานสีอายแชโดว์โทนน้ำตาลส้มอีกแล้วเพราะฉันมีอยู่แล้วฉันแค่ต้องการมันแต่ม่ได้จะใช้มัน

หากคุณต้องการแรงบันดาลใจ เพียงแค่ค้นหา Google อย่างรวดเร็วของ Project Pan ก็จะพบบล็อกเกอร์มากมายที่เข้าร่วม โดยส่วนตัวแล้ว ฉันอยากจะแนะนำ KitschSnitch และ JustBuyTheMakeup บน YouTube พวกเขาเป็นคนรักการแต่งหน้าชาวออสซี่สองคนที่ร่วมเป็นเจ้าของช่องข่าวความงาม พวกเขาทั้งคู่มีซีรีส์ต่อเนื่องของวิดีโอ Project Pan (หรือ ‘Empties’) ที่เป็นประโยชน์และสนุกกับการดูจริงๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยทำให้เครื่องสำอางของคุณนั้นมีคุรค่ามากยิ่งขึ้น

นักเรียนที่มีสุขภาพดีประเทศชาติที่มีสุขภาพดี

นักเรียนที่มีสุขภาพดี ความสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและสถานะสุขภาพของนักเรียนเป็นที่ยอมรับโดยนโยบายและเป้าหมายการศึกษาแห่งชาติของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ท่ามกลางแนวทางดังต่อไปนี้ นักเรียนจะต้องเริ่มต้นโรงเรียนด้วยจิตใจ ร่างกายที่แข็งแรง และความพร้อมทางจิตใจที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้

ควรมีสภาพแวดล้อมของโรงเรียนที่ปลอดภัยและมีระเบียบวินัยเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนมีความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ โอกาสสำหรับนักเรียนทุกคนที่จะได้รับทักษะชีวิตที่ดีและการศึกษาด้านสุขภาพ การรักษาพัฒนาการและการเจริญเติบโตของนักเรียน “ด้านจิตใจ สังคม จิตใจ และร่างกาย”

ในการจัดตั้งโรงเรียนควรอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่บ้านซึ่งอยู่ภายใต้หลักคำสอนของอิสลาม ควรมีการดูแลสุขภาพฟรี (ป้องกันและรักษา) แก่นักเรียนทุกคน เด็กในวันนี้คือพลเมืองของชาติในวันหน้า ความอยู่รอด การปกป้อง และการพัฒนาของพวกเขาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาในอนาคตของประเทศนี้

การเพิ่มขีดความสามารถของคนรุ่นใหม่ด้วยความรู้และทรัพยากรเพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์และทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพควรเป็นเป้าหมายหลักของการพัฒนาประเทศ เนื่องจากการพัฒนาส่วนบุคคลและการช่วยเหลือสังคมของพวกเขาจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของประเทศ การลงทุนด้านสุขภาพ โภชนาการ และการศึกษาของเด็กจึงเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศ

เห็นได้ชัดว่าสุขภาพที่ดีช่วยเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้ ดังนั้นเพื่อให้นักเรียนสามารถไปโรงเรียนได้อย่างสม่ำเสมอและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่โรงเรียนจัดให้อย่างเต็มที่ พวกเขาจะต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สามารถทำเช่นนั้นได้ นอกจากนี้ การปรับปรุงความสามารถในการเรียนรู้และผลการเรียนที่โรงเรียนต้องใช้ความพยายามเป็นฐานของโรงเรียนเพื่อพัฒนาสุขภาพ อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าการไปโรงเรียนทำให้สุขภาพดีขึ้น ผลกระทบของการเรียนในโรงเรียนเห็นได้ชัดในประโยชน์ต่อสุขภาพแม่และเด็กโดยการลดอัตราการเสียชีวิตของหญิงสาวที่เคยเรียนมาบ้าง

ในปี พ.ศ. 2536 ธนาคารโลกและองค์การอนามัยโลกได้ทำการเปรียบเทียบประสิทธิผลด้านต้นทุนของโปรแกรมสาธารณสุขต่างๆ และได้ข้อสรุปว่าโปรแกรมสุขภาพในโรงเรียนที่ให้บริการด้านสุขภาพที่ปลอดภัยและมีค่าใช้จ่ายต่ำ เช่น การรักษาด้วยการถ่ายพยาธิ และการให้สุขศึกษาเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่มากที่สุด – การลงทุนที่มีประสิทธิภาพที่ประเทศสามารถทำได้เพื่อพัฒนาสุขภาพ โครงการขยายการสร้างภูมิคุ้มกันและการเสริมจุลธาตุ เพิ่มความรู้ด้านโภชนาการและการดูแลสุขภาพ ลดการบริโภคยาสูบ แอลกอฮอล์ และยาเสพติด และป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีมูลค่ามหาศาลและได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าที่สุด เห็นได้ชัดว่าสุขภาพของโรงเรียนมีบทบาทสำคัญในโครงการเหล่านี้ ดังนั้น การลงทุนในโปรแกรมสุขภาพในโรงเรียนอาจเป็น “ที่สุดของที่สุด”

แม้ว่าโรงเรียนจะมีศักยภาพในการปรับปรุงสุขภาพผ่านการศึกษา แต่บ่อยครั้งเกินไป พวกเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์จากความสามารถนั้น แท้จริงแล้วโรงเรียนหลายแห่งทำให้สุขภาพของนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนตกอยู่ในความเสี่ยง อันตรายเหล่านี้สามารถกำจัดได้ทั้งหมดหรือลดลงด้วยทรัพยากรที่ดีกว่า

เป้าหมาย “สุขภาพสำหรับทุกคน” และ “การศึกษาสำหรับทุกคน” เป็นการแสดงความมุ่งมั่นขององค์การสหประชาชาติต่อสุขภาพและการศึกษา เนื่องจากเป้าหมายเหล่านี้เชื่อมโยงอย่างแยกกันไม่ออกและต้องทำงานพร้อมกันเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ องค์กรด้านสุขภาพและการศึกษาทุกระดับจึงต้องการความร่วมมือและความพยายามอย่างมาก แรงผลักดันในการดำเนินการขึ้นอยู่กับบุคคล ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนสุขภาพของโรงเรียนโดยการถามและพยายามตอบคำถามเหล่านี้: โรงเรียนของเราส่งเสริมสุขภาพหรือไม่?

โรงเรียนของเรามีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการทำงานหรือไม่? โรงเรียนของเราช่วยนักเรียน บุคลากรในโรงเรียน และครอบครัวของพวกเขาในการตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพหรือไม่? ฉันจะทำอะไรได้บ้างทั้งส่วนตัวและกับผู้อื่นเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

นอนน้อยกว่าห้าชั่วโมงต่อคืนเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของโรคต่างๆ

การนอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงในช่วงกลางถึงดึกอาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดโรคเรื้อรังอย่างน้อย 2 โรค งานวิจัยใหม่ที่นำโดยนักวิจัยของ UCL งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน PLOS Medicine

ได้วิเคราะห์ผลกระทบของระยะเวลาการนอนหลับต่อสุขภาพของผู้ชายและผู้หญิงมากกว่า 7,000 คนในวัย 50, 60 และ 70 ปีจากการศึกษาตามกลุ่ม Whitehall II

นักวิจัยตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างระยะเวลาที่ผู้เข้าร่วมแต่ละคนนอนหลับ อัตราการตาย และการได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเรื้อรังตั้งแต่ 2 โรคขึ้นไป (โรคหลายโรค) เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง หรือเบาหวาน ตลอดระยะเวลา 25 ปี คนที่รายงานว่าได้นอน 5 ชั่วโมงหรือน้อยกว่าเมื่ออายุ 50 ปี มีโอกาสได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเรื้อรังมากกว่า 20% และ 40% มีแนวโน้มที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเรื้อรังตั้งแต่ 2 โรคขึ้นไปในช่วง 25 ปี เมื่อเทียบกับคนที่นอนหลับเป็นเวลา นานถึงเจ็ดชั่วโมง

นอกจากนี้ การนอนหลับเป็นเวลา 5 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นเมื่ออายุ 50, 60 และ 70 ปี เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น 30% ถึง 40% ของการเป็นโรคหลายโรคเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่นอนหลับนานถึงเจ็ดชั่วโมง นักวิจัยยังพบว่าระยะเวลาการนอนหลับ 5 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นเมื่ออายุ 50 ปี มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 25% ในช่วง 25 ปีของการติดตาม ซึ่งส่วนใหญ่สามารถอธิบายได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าระยะเวลาการนอนหลับสั้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง โรคที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

ดร. Severine Sabia ผู้เขียนนำ (UCL Institute of Epidemiology & Health และ Inserm, Université Paris Cité) กล่าวว่า “โรคหลายโรคกำลังเพิ่มขึ้นในประเทศที่มีรายได้สูง และปัจจุบันผู้สูงอายุมากกว่าครึ่งมีโรคเรื้อรังอย่างน้อยสองโรค นี่คือ พิสูจน์แล้วว่าเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับสาธารณสุข เนื่องจากโรคหลายโรคเกี่ยวข้องกับการใช้บริการด้านสุขภาพ การรักษาในโรงพยาบาล และความพิการสูง

“เมื่อคนเราอายุมากขึ้น พฤติกรรมการนอนและโครงสร้างการนอนก็จะเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม แนะนำให้นอนคืนละ 7-8 ชั่วโมง

เนื่องจากระยะเวลาการนอนที่สูงหรือต่ำกว่านี้เคยเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังแต่ละโรค” “ผลการวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าระยะเวลาการนอนหลับสั้นยังสัมพันธ์กับโรคหลายโรค “เพื่อให้นอนหลับสบายตลอดคืน สิ่งสำคัญคือต้องส่งเสริมสุขอนามัยการนอนที่ดี เช่น ตรวจดูให้แน่ใจว่าห้องนอนมีความเงียบ มืด และมีอุณหภูมิที่สบายก่อนนอน นอกจากนี้ยังแนะนำให้ถอดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกและหลีกเลี่ยงอาหารมื้อใหญ่ก่อนนอน การออกกำลังกาย และการได้รับแสงในระหว่างวันก็อาจช่วยให้หลับสบายได้เช่นกัน”

ส่วนหนึ่งของการศึกษานี้ นักวิจัยยังได้ประเมินว่าการนอนหลับเป็นเวลานานตั้งแต่ 9 ชั่วโมงขึ้นไปส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่ ไม่มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างระยะเวลาการนอนหลับที่ยาวนานเมื่ออายุ 50 ปีกับการเจ็บป่วยหลายโรคในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง อย่างไรก็ตาม หากผู้เข้าร่วมได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเรื้อรังแล้ว ระยะเวลาการนอนหลับที่ยาวนานจะสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นประมาณ 35% ในการเกิดโรคอื่น

นักวิจัยเชื่อว่าอาจเป็นเพราะสภาวะสุขภาพพื้นฐานที่ส่งผลต่อการนอนหลับ Jo Whitmore พยาบาลอาวุโสด้านหัวใจของ British Heart Foundation กล่าวว่า “การนอนหลับให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายของคุณได้พักผ่อน มีวิธีอื่นๆ มากมายที่การนอนหลับไม่ดีสามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงการอักเสบและเพิ่มเลือด ความกดดัน.

 

สนับสนุนโดย     เครื่องช่วยฟังอย่างดี

ประโยชน์จากไฟเบอร์

ประโยชน์จากไฟเบอร์ อาหารที่มีเส้นใยสูง ได้แก่ อาหารเช้าซีเรียลโฮลเกรน พาสต้าโฮลวีต ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลเกรนและข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์และข้าวไรย์ ผลไม้ เช่น เบอร์รี่ ลูกแพร์ แตงโม และส้ม ผัก เช่น บร็อคโคลี่ แครอท ข้าวโพดหวาน และมันฝรั่ง (มีเปลือก)ถั่ว ถั่ว ถั่วชิกพี และถั่วเลนทิล ถั่วและเมล็ด

ใยอาหารมีสองประเภท เส้นใยที่ละลายน้ำได้ ซึ่งพบในข้าวโอ๊ต ถั่วลันเตา ถั่ว และผักและผลไม้หลายชนิดละลายในน้ำเพื่อสร้างวัสดุคล้ายเจล ช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มและสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและระดับน้ำตาลได้

ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำมักพบในธัญพืชไม่ขัดสี และในเปลือกผลไม้และผักด้วย ร่างกายจะไม่ย่อย แต่ก่อตัวเป็นกลุ่มในลำไส้ ซึ่งช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ตามปกติ อาหารประเภทแป้งและผลไม้และผักมีไฟเบอร์มากที่สุด

ดังนั้นเคล็ดลับข้างต้นเกี่ยวกับอาหารประเภทแป้ง ผลไม้ และผักก็จะช่วยเพิ่มไฟเบอร์ได้เช่นกัน หากคุณเปลี่ยนไปใช้ข้าวโฮลมีลและพาสต้า และขนมปังโฮลมีล สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณเส้นใยอาหารของคุณได้อย่างมาก พัลส์อย่างถั่วและถั่วก็เต็มไปด้วยไฟเบอร์เช่นกัน

การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ซึ่งสามารถช่วยได้หากคุณพยายามควบคุมน้ำหนัก ดื่มน้ำมาก ๆ เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง (ดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน) ดูแผ่นพับแยกต่างหากที่เรียกว่าไฟเบอร์และอาหารเสริมไฟเบอร์สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

กินนมและอาหารจากนมให้เพียงพอ นมและอาหารจากนมอื่นๆ เช่น ชีสและโยเกิร์ตมีความสำคัญในอาหารของคุณ เนื่องจากให้แคลเซียมซึ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพฟันและกระดูก พวกเขายังเป็นแหล่งโปรตีนและสามารถให้วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่สำคัญต่อสุขภาพของคุณ นมถั่วเหลืองที่อุดมด้วยแคลเซียมและฟรอมมาจฟรายยังอยู่ภายใต้

‘นมและอาหารจากนม’ อย่างไรก็ตาม อาหารอื่นๆ เช่น เนยและครีมไม่ถือเป็นอาหารประเภทนม เนื่องจากมีไขมันสูงเช่นกัน จึงจัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีไขมันเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีแคลเซียมเพียงพอในอาหารของคุณ คุณต้องได้รับสามมื้อต่อวันจากกลุ่มอาหารนี้ หนึ่งเสิร์ฟคือ นม 200 มล. โยเกิร์ตหม้อเล็ก (150 กรัม) ชีส 30 กรัม (ขนาดประมาณกล่องไม้ขีดเล็กๆ)

เนื่องจากปริมาณไขมันในอาหารที่ทำจากนมอาจแตกต่างกันไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกอาหารที่มีไขมันต่ำหากเป็นไปได้ เช่น นมพร่องมันเนยหรือกึ่งพร่องมันเนย ชีสไขมันต่ำ และโยเกิร์ตไขมันต่ำ แหล่งแคลเซียมที่ไม่ใช่นม ได้แก่ ผักใบเขียว ปลากระป๋อง (โดยเฉพาะถ้ามีกระดูก)

มะเดื่อแห้ง อัลมอนด์ ส้ม งา สาหร่าย และถั่วบางชนิด แคลเซียมที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์จากนมจำเป็นต้องรับประทานร่วมกับแหล่งของวิตามินดี เนื่องจากร่างกายต้องการแคลเซียมนี้เพื่อช่วยดูดซึมแคลเซียม วิตามินดีสามารถพบได้ในไข่ ปลา และเห็ด แต่ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในผิวหนังเมื่อสัมผัสกับแสงแดด อาหารบางชนิดเสริมแคลเซียม เช่น อาหารเช้าซีเรียล เครื่องดื่มจากถั่วเหลือง และเต้าหู้ สิ่งเหล่านี้อาจเพิ่มวิตามินดีอยู่แล้ว

 

สนับสนุนโดย.  เครื่องช่วยฟังโรงพยาบาลรัฐ

อาหารเมดิเตอร์เรเนียนช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมได้จริงหรือ

งานวิจัยใหม่ชี้ให้เห็นว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนและการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านอาหารที่เกี่ยวข้องไม่มีความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญ  อาหารเมดิเตอร์เรเนียน    กับความเสี่ยงที่ลดลงของภาวะสมองเสื่อม การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงผลที่หลากหลายเกี่ยวกับผลกระทบของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนและความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม แม้ว่าการทำตามรูปแบบการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย

แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ต้องคำนึงถึงในการลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม อาหารเมดิเตอเรเนียนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ส่วนใหญ่เป็นอาหารจากพืช ซึ่งรวมถึงผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ปลาและน้ำมันมะกอก U.S. World and News Report จัดอันดับให้อาหารเมดิเตอร์เรเนียนเป็นอาหารที่ดีที่สุดในโลกเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน

การศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ปฏิบัติตามรูปแบบการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น อาหารเมดิเตอร์เรเนียน อาจลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมได้ แต่ผลการศึกษาใหม่ชี้ให้เห็นว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนอาจไม่เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของภาวะสมองเสื่อม งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวันนี้ในวารสาร Neurology ฉบับออนไลน์ ได้ทำการตรวจสอบผู้เข้าร่วม 28,000 คนจากสวีเดนในช่วงระยะเวลา 20 ปี

ผู้เข้าร่วมการศึกษามีอายุเฉลี่ย 58 ปี และไม่มีภาวะสมองเสื่อมในช่วงเริ่มต้นการศึกษา พวกเขากรอกไดอารี่อาหารประจำสัปดาห์และแบบสอบถามความถี่ของอาหาร และเข้าร่วมในการสัมภาษณ์ ในตอนท้ายของการศึกษา 1,943 คนหรือเกือบ 7% ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม ซึ่งรวมถึงโรคอัลไซเมอร์ (AD) และภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือด

ในขณะที่การศึกษาของเราไม่ได้ตัดความสัมพันธ์ที่เป็นไปได้ระหว่างการรับประทานอาหารกับภาวะสมองเสื่อม แต่เราไม่พบความเชื่อมโยงในการศึกษาของเรา ซึ่งมีระยะเวลาติดตามผลนาน รวมถึงผู้เข้าร่วมที่อายุน้อยกว่าการศึกษาอื่น ๆ และไม่ต้องการให้ผู้คนจดจำ พวกเขากินอาหารอะไรเป็นประจำเมื่อหลายปีก่อน” Dr. Isabelle Glans นักวิจัยและนักศึกษาปริญญาเอกที่ Lund University ในสวีเดนกล่าวในการแถลงข่าว

แม้จะมีการค้นพบใหม่ แต่ผู้เขียนศึกษาตั้งข้อสังเกตว่ายังคงจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม อาหารเมดิเตอร์เรเนียนและความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม การศึกษาก่อนหน้านี้ให้ผลลัพธ์ที่หลากหลายเกี่ยวกับผลกระทบของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนและความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม ตัวอย่างเช่น การศึกษาในปี 2018 ระบุว่าอาจมีความล่าช้าถึง 3.5 ปีในการลุกลามของโรคอัลไซเมอร์ในกลุ่มผู้ที่รับประทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเวลาหลายปีเมื่อเทียบกับอาหารตะวันตกแบบดั้งเดิม

นอกจากนี้ ผลการศึกษาที่เชื่อถือได้ในปี 2015 ชี้ให้เห็นว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนมีความเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ ยังคงมีการศึกษาขนาดใหญ่อีกชิ้นในปี 2015 แหล่งที่เชื่อถือได้ตรวจสอบการยึดมั่นในระยะยาวกับอาหารเมดิเตอร์เรเนียนและการทำงานขององค์ความรู้ในสตรี และแสดงให้เห็นการปรับปรุงในระดับปานกลางในการรับรู้เท่านั้น ผลการวิจัยไม่แสดงความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับการลดความรู้ความเข้าใจที่ลดลง และไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ลดลงสำหรับภาวะสมองเสื่อม

 

สนับสนุนโดย    ถ่านเครื่องช่วยฟัง