อะไรบ้างที่ควรทำก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19

การฉีดวัคซีนโควิด-19 แน่นอนว่าการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจาก โควิด-19 ที่ดีที่สุด คือ การดูแลตนเอง รักษาความสะอาด สวมใส่หน้ากากอนามัย และเลี่ยงการไปที่คนพลุกพล่าน แต่ถึงแม้กระนั้นเราก็ยังสามารถมีโอกาสจะติดเชื้อได้อยู่ ตัวเลือกเสริมต่อมา คือ การ ฉีดวัคซีน เพื่อช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค  ซึ่งหลาย ๆ คน คงกังวลว่าฉีดแล้วจะเป็นอย่างไร เนื่องจากเป็นโรคใหม่ ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความลังเลใจ วันนี้เรามาเตรียมพร้อมกัน

การเตรียมการก่อนฉีดยา

– 2-3วันก่อนได้รับการฉีดยาแล้ว ควรจะงดเว้นการบริหารร่างกายแบบหนัก ๆ  และก็นอนเยอะ ๆ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน

– การฉีดยาหรือวัคซีนควรจะห่างกับการได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างต่ำ 14 วัน

– พกบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วย และก็ข้อมูล สำคัญ คือ ควรแจ้งเรื่องราวแพ้ยา โรคประจำตัวกับเจ้าหน้าที่ทางด้านการแพทย์ก่อนจะมีการฉีดยา

– แจ้งเรื่องราวแพ้ยา โรคประจำตัวกับเจ้าหน้าที่ทางด้านการแพทย์ ในกรณีที่ฉีดยาเข็มแรกแล้วมีลักษณะเหมือนจะแพ้ หรือพบความผิดปกติ

– ควรจะสวมเสื้อแขนสั้น เพื่อเปิดต้นแขนได้สบาย

– หากถนัดขวา ให้ฉีดที่ต้นแขนซ้าย หากถนัดซ้าย ให้ฉีดที่ต้นแขนขวา

– ในวันที่ฉีดควรจะกินน้ำขั้นต่ำ 500 – 1,000 CC งดเว้นการดื่มชา กาแฟ หรืออะไรก็ตามที่มีคาเฟอีน รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์

– หากรับประทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ให้รับประทานยาตามธรรมดา แต่ว่าเมื่อได้รับการฉีดแล้ว ให้ทำการกดนิ่ง ๆ บริเวณจุดที่เข็มทิ่มลงไปต่ออีก 5 นาที

 

ข้อมูลที่จำเป็นต้องแจ้งก่อนรับการฉีดยา

– โรคประจำตัว

– เคยป่วยด้วย ด้วยโรคลิ่มเลือดหรือ หากำลังทานยารักษาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดอยู่

– เรื่องราวแพ้ยา วัคซีน หรือสารอื่น ๆ ที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการแพ้ร้ายแรงจนกระทั่งบางทีอาจอันตรายถึงชีวิต

– เป็นผู้มีภูมิต้านทานต่ำ หรืออยู่ระหว่างใช้ยากดภูมิต้านทาน 

– ตั้งท้อง วางแผนกำลังจะมีบุตร หรือพึ่งคลอด ต้องให้นมลูกอยู่

– มีลักษณะแพ้หรือผิดปกติบางอย่าง ภายหลังฉีดยาเข็มแรก

– มีลักษณะอาการซึ่งรู้สึกเจ็บป่วยไข้ทันควันก่อนเข้ารับการฉีดยา (ถ้าเกิดมีลักษณะอาการซึ่งรู้สึกเจ็บป่วยไข้ร้ายแรง ทางคุณหมออาจพินิจพิเคราะห์ให้เลื่อนการฉีดยาออกไปก่อน)

 

กรุ๊ปใดที่คุณหมอยังไม่ชี้แนะให้เข้ารับการฉีดถ้าไม่มีความจำเป็น

– คนที่มีลักษณะอาการแพ้ร้ายแรงจากการฉีดยาวัคซีนโควิด-19 เมื่อคราวก่อนหรือแพ้สารบางอย่างของวัคซีน

– คนที่เจ็บไข้ได้ป่วยแบบกะทันหันและก็อาการยังไม่ดีขึ้น

– คนที่มีโรคประจำตัวแล้วอาจมีการกำเริบอยู่ หรืออาการเข้าขั้นวิกฤต

– คนที่ได้รับยากดภูมิต้านทานปริมาณสูง

กรุ๊ปพวกนี้ควรจะอยู่ในดุลยพินิจของหมออย่างใกล้ชิด และก็ควรจะขอคำแนะนำจากคุณหมอประจำตัว เพื่อให้มีการพินิจพิเคราะห์ว่าควรได้รับการฉีดยาหรือไม่ เป็นรายคนตามความเหมาะสม ในส่วนที่คนที่ได้รับยาเกี่ยวกับการป้องกันการแข็งตัวของเลือด ก็สามารถฉีดยาได้ แม้กระนั้นเสนอแนะให้คุณหมอช่วยตัดสินใจ

 

 

สนับสนุนโดย.    หูตึงแก้ไข

เพราะเรื่องนอนคือเรื่องใหญ่

เพราะเรื่องนอนคือเรื่องใหญ่ การนอนเป็นการพักผ่อนหย่อนใจที่ดีที่สุดของเรา แต่ว่าจะนอนเช่นไรให้การนอนมีคุณภาพแล้วก็มีผลดีต่อสภาพทางด้านร่างกาย สามารถนอนได้อย่างง่ายดายตลอดคืนโดยไม่ตื่น คนไม่ใช่น้อยเป็นโรคนอนไม่หลับที่มีผลต่อเนื่องจากการมีอาการนอนกรน รวมทั้งแม้เป็นการนอนกรนที่มีความร้ายแรงก็อาจจะส่งผลให้มีภาวการณ์หยุดหายใจในตอนที่กำลังนอนหลับด้วย แม้กระทั่งนอนอย่างยาวนาน แต่ว่าก็เป็นการนอนที่ไม่มีสมรรถนะ คนไหนกันแน่ที่มีปัญหาการนอน หรือมองหาถึงการแก้ไขปัญหาอาการนอนไม่หลับ เนื้อหานี้มีข้อเสนอแนะ

กลเม็ด นอนอย่างมีสุข รวมทั้งสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง

WHO บอกว่า การนอนที่มีคุณภาพ ควรจะนอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมง แต่ว่าในตอนนี้ คนทั่วทั้งโลกเป็นโรคนอนไม่หลับสูงถึง 35% รวมทั้งมูลเหตุใหญ่ที่ทำให้คนไม่สบายนอนไม่หลับ ก็คือความเคร่งเครียดหรือมีความไม่สบายใจอยู่ในใจ สำหรับการแก้ไขปัญหาอาการนอนไม่หลับ มีข้อมูลที่ได้รับมาจากนักค้นคว้าด้านศาสตร์การนอน  เครื่องช่วยฟังฟรี   ได้เสนอแนะเทคนิคการนอนอย่างมีสุขและก็สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไว้ หลาย ๆ ประการ ดังต่อไปนี้

– เปลี่ยนแปลงความประพฤติปฏิบัติการนอน โดยตั้งเวลานอนแล้วก็ตื่นไว้รวมทั้งจะต้องปฏิบัติให้ได้อย่างนั้น สิ่งที่ได้จากกลเม็ดข้อนี้ก็คือ ทำให้การนอนมีคุณภาพหรือนอนได้เจ็ดถึงเก้าชั่วโมง

– ถ้าเกิดเป็นผู้ที่คุ้นชินกับการนอนพักกลางวัน ก็ไม่สมควรนอนเกินทีละ 45 นาที เพราะเหตุว่าอาจจะเป็นผลให้นอนไม่หลับในช่วงเวลาค่ำคืน เมื่อนอนไม่หลับเสมอ ๆ ก็บางทีอาจแปลงเป็นโรคนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่องที่มีปัญหาต่อร่างกายได้

– เลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผลส่งต่อให้นอนไม่หลับ โดยเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือดูดบุหรี่ ถ้าหากดื่มก็ควรจะดื่มหรือดูดบุหรี่ ก่อนนอนขั้นต่ำ 4 ชั่วโมง

– เลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ได้แก่ ชา กาแฟ ถ้าเกิดปรารถนาดื่ม ก็ควรจะดื่มก่อนเข้านอนอย่างต่ำ 6 ชั่วโมง

– หลบหลีกการรับประทานอาหารรสจัดหรือของหวานก่อนนอน ถ้าหากทานควรจะทานก่อนนอนขั้นต่ำสี่ชั่วโมง

– การบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นการบริหารร่างกายในตอนเย็น จะก่อให้เกิดผลการนอนสนิทแล้วก็เป็นการนอนที่มีคุณภาพ มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย

– ปรับสิ่งแวดล้อมห้องนอนให้อากาศถ่ายเทสะดวก แล้วก็ตั้งอุณหภูมิข้างในห้องนอนให้สมควร

– ปิดเสียงดังรบกวน งดเว้นการใช้งานเครื่องมือติดต่อทั้งสิ้น รวมทั้งลดแสงไฟให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

– ควรที่จะใช้ห้องนอน หรือเตียง เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจแค่นั้น หลบหลีกการนำงานขึ้นมาทำบนที่นอน หรือมีโทรทัศน์จัดตั้งเอาไว้ภายในห้องนอน

– ถ้าเกิดมีลักษณะนอนกรนที่ร้ายแรงมากกระทั่งทำให้ตื่น หรือมีสภาวะจู่ ๆ ก็ไม่หายใจในตอนหลับ ควรจะใช้ เครื่องช่วยนอนกรนที่สามารถช่วยได้และมีมาตรฐานไม่ก่อให้เกิดอันตราย หรือปรึกษาคุณหมอดีที่สุด

เพิ่มผักและผลไม้ในอาหารของคุณเพื่อสุขภาพที่ดีมากขึ้น

ผักและผลไม้มีแคลอรีต่ำและมีสารอาหารหนาแน่นและเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะหารับประทานง่ายและผลไม้ที่มีประโยชน์นั้นก็มีมากมาย  เพิ่มผักและผลไม้    ให้เลือกรับประทานด้วย ซึ่งหมายความว่าอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และไฟเบอร์ ให้เน้นที่การรับประทานผักและผลไม้ตามปริมาณที่แนะนำในแต่ละวันอย่างน้อย 5 ส่วนและมันจะช่วยให้คุณอิ่มและช่วยลดอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้ตามธรรมชาติ การเสิร์ฟคือผลไม้หรือผักดิบครึ่งถ้วยหรือแอปเปิ้ลหรือกล้วยขนาดเล็กเป็นต้น

พวกเราส่วนใหญ่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณที่เรากินอยู่เป็นสองเท่า

เพื่อเพิ่มการบริโภคของคุณ การเพิ่มผลเบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระให้กับซีเรียลอาหารเช้าที่คุณชื่นชอบและทำเป็นประจำทุกวัน ซึ่ผลไม่นั้นก็สามารถเลือกได้ตามใจแต่อาจจะต้องเน้นไปในทางผลไม้ที่ให้ประโยชน์สูงและควรเป้นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวด้วย กินผลไม้หวานผสมกันส้ม มะม่วง สับปะรด องุ่น เป็นของหวาน แต่ถ้าหากใครสามารรับประทานผลไม้เปรี้ยวได้ ก็สามารถกินได้เลน เพราะว่าผลไม้เปรี้ยวนั้นจะทำให้เราสามารถขับถ่ายได้ดีขึ้นด้วย

เปลี่ยนข้าวหรือพาสต้ากับข้าวธรรมดาเป็นสลัดหลากสี แทนที่จะกินของขบเคี้ยวแปรรูป ให้กินผักอย่างแครอท ถั่วหิมะ หรือมะเขือเทศเชอร์รี่ ควบคู่กับฮัมมุสรสเผ็ดหรือเนยถั่ว วิธีทำผักให้อร่อย แม้ว่าสลัดธรรมดาและผักนึ่งจะจืดชืดได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีหลายวิธีที่จะเพิ่มรสชาติให้กับอาหารประเภทผักของคุณ

เพิ่มสี ผักสีที่สว่างกว่าและลึกกว่านั้นไม่เพียงประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้นกว่าเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนรสชาติและทำให้อาหารน่ารับประทานยิ่งขึ้น เพิ่มสีสันโดยใช้มะเขือเทศสดหรือตากแห้ง แครอทหรือหัวบีทเคลือบ กะหล่ำปลีแดงหั่นแว่น สควอชสีเหลือง หรือพริกหวานหลากสี

ทำให้ผักสลัดมีชีวิตชีวาขึ้น กิ่งก้านออกไปนอกผักกาดหอม คะน้า ผักโขม ผักโขม มัสตาร์ด บร็อคโคลี่ และผักกาดขาวล้วนเต็มไปด้วยสารอาหาร เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับผักสลัดของคุณ ให้ลองราดน้ำมันมะกอก ใส่น้ำสลัดรสเผ็ด หรือโรยด้วยอัลมอนด์ฝาน ถั่วชิกพี เบคอนเล็กน้อย พาร์เมซาน หรือชีสแพะ

ตอบสนองฟันหวานของคุณ ผักหวานตามธรรมชาติ เช่น แครอท หัวบีต มันเทศ มันเทศ หัวหอม พริกหยวก และสควอช ช่วยเพิ่มความหวานให้กับมื้ออาหารของคุณ และลดความอยากอาหารของคุณที่จะเติมน้ำตาล เพิ่มลงในซุป สตูว์ หรือซอสพาสต้าเพื่อให้ได้ลูกเล่นที่น่าพึงพอใจ ปรุงถั่วเขียว บร็อคโคลี่ กะหล่ำดาว และหน่อไม้ฝรั่งด้วยวิธีใหม่ๆ แทนที่จะต้มหรือนึ่งด้านที่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้ ให้ลองย่าง ย่าง หรือผัดกับพริกป่น กระเทียม หอมแดง เห็ด หรือหัวหอม หรือหมักมะนาวเปรี้ยวหรือมะนาวก่อนปรุง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังศิริราช

3 เคล็ดลับการเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพที่ดี

เคล็ดลับการเล่นกีฬา การมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอกนั้น เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนต้องการกันอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ว่าเราจะสร้างมันขึ้นมาด้วยวิธีการไหน เพราะในปัจจุบันนี้มีวิธีการมากมายที่จะช่วยเสริมสร้างการมีสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่เราได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การดื่มน้ำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

รวมไปถึงการออกกำลังกาย หรือการเล่นกีฬาเพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ซึ่งปัจจุบันนี้เราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจในการดูแลสุขภาพร่างกายกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกีฬา เพราะเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถช่วยในการเสริมสร้างการมีสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่เราได้

เพราะสมัยนี้กิจกรรมกีฬาถือว่าเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่เราได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยบรรเทาความเครียด ให้ความสนุกสนานแก่เราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่อยากเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้ดี และแข็งแรงด้วยการเล่นกีฬา วันนี้เราก็มีเคล็ดลับดี ๆ มาแนะนำซึ่งก็เป็นวิธีง่าย ๆ จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย 

อย่าละเลยการเตรียมพร้อมของร่างกาย หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายเราจะถูกใช้งาน โดยเฉพาะการเล่นกีฬา จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องวอร์มร่างกายก่อนทุกครั้ง เพราะถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายของรานั้นลดโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บ และเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญที่ดี เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่เราได้นั่นเอง ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ ทุกครั้งที่เราจะออกไปเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพก็ควรที่จะวอร์มร่างกายให้พร้อมใช้งานก่อนจะดีที่สุด 

จิตใจต้องแข็งแกร่งด้วย การที่เราจะเลือกกีฬาสักประเภทเพื่อเป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี รู้หรือไม่ว่านอกจากสุขภาพร่างกายที่พร้อมจะทำแล้วนั้น สุขภาพจิตของเราก็ต้องแข็งแกร่งไปด้วย ถึงแม้ว่าเราจะเป็นบ่อย หรือเล่นเป็นประจำวันมากนานแค่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น คือการมีจิตใจที่แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน 

ควรรู้จักร่างกายของตนเองให้ดี ก่อนที่เราจะออกไปเล่นกีฬา สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามก็คือ การรู้จักกับสภาพร่างกายของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง เพื่อที่จะทำให้เราได้รู้ว่าร่างกายเหมาะสมกับการเล่นกีฬาแบบไหน หรือประเภทไหนมากกว่ากัน และที่สำคัญก็คือ การตรวจเช็คสภาพร่างกายของตนเองให้ดีก่อนที่จะออกไปเล่นกีฬา เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บ และเพื่อให้การเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพนั้นเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมกขึ้น

 

อันตรายของ PM 2.5 และการดูแลตนเองให้ห่างไกลปลอดภัย

ในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า ปัญหา อันตรายของ PM 2.5 นั้นเป็นอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพ และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวันโดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่อากาศแห้ง ค่าฝุ่น PM 2.5 ก็จะเกินค่ามาตรฐานที่ประเทศไทยกำหนด และวิกฤตติดอันดับโลกเลยทีเดียว ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก ๆ อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้เลยทีเดียว  

ในประเทศไทยจังหวัดที่พบค่าฝุ่น อันตรายของ PM 2.5 สูง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ สมุทรสาคร นครราชสีมา หนองคาย สมุทรปราการ สระบุรี แม่ฮ่องสอน ขอนแก่น เป็นต้น ท่านสามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่นได้ที่ Air4Thai ทั้งในรูปแบบแอปพลิเคชันหรือบนเว็บไซต์

โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5  ก็คือ การประกอบกิจการของโรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้างทั้งขนาดเล็กและใหญ่ การระเบิดหิน การใช้ยานพาหนะต่าง ๆ การเผาไหม้ต่าง ๆ เช่น เผาขยะ เผาวัสดุทางการเกษตร ไฟป่า เป็นต้น ในตอนนี้ก็มีนโยบายการขอความร่วมมือแก้ปัญหาในพื้นที่ คือ งดการเผาในที่เปิดโล่ง ลดการเผาทางการเกษตร การจุดธูป การสูบบุหรี่

 

PM2.5 ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพ

 

– แสบตา ตาแดง

– กระตุ้นอาการของโรคภูมิแพ้ หอบหืด

– ไอ จาม แน่นหน้าอก 

– ผิวหนังอักเสบ 

– ป่วยมีไข้ ตัวร้อน

– มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ

– อาจทำให้เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ได้แก่ มะเร็งปอด ปอดอักเสบ หัวใจขาดเลือด

– มีผลต่อสมอง

 

แนวทางปกป้องตัวเองให้ห่างไกลจาก PM 2.5

– หน้ากากอนามัย รุ่น N95

ฝุ่นผง PM 2.5 มีขนาดอนุภาคที่เล็กมาก ก็เลยทำให้หน้ากากอนามัยแบบปกติทั่ว ๆ ไป ไม่อาจจะคุ้มครองฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนได้อย่างไม่ต้องสงสัย เสนอแนะว่าจะต้องเป็นหน้ากากอนามัยรุ่น N95 จะเป็นการคุ้มครองปกป้องได้ครอบคลุมและยอดเยี่ยมกว่า เนื่องด้วยหน้ากากรุ่นนี้ผลิตขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ในการป้องกัน  ฝุ่นผงและ  PM2.5 โดยตรง

 

– เครื่องฟอกอากาศ ในบ้าน ที่ทำงาน

ฝุ่นผง PM 2.5 ลอยไปทั่วอากาศ การใช้งานเครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะสามารถช่วยลดจำนวนของฝุ่นละอองนี้ให้ลดลงได้ในระดับนึง ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ผลิตออกมามากมายราคานานับประการ แนะนำให้เลือกซื้อแบรนด์ที่ได้รับมาตรฐาน รวมทั้งมีคุณภาพ เพื่อความสามารถสำหรับเพื่อการกรองอากาศได้ดีที่สุด และเป็นไปตามที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ระบุหรือโฆษณาไว้

 

– หลบหลีกการออกไปด้านนอก

จริงอยู่ว่ากิจวัตรที่ทำทุก ๆ วันของผู้คนควรมีการออกไปภายนอกบ้านเพื่อดำเนินการ หรือเรียน อะไรต่าง ๆ นานา แต่ว่าหากวันไหนไม่มีธุระแล้วเลือกที่จะอยู่ในบ้าน มันก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถช่วยลดโอกาสสำหรับในการสูดรับฝุ่นละอองเข้าไปภายในร่างกายของพวกเรา

 

ฝุ่น PM 2.5 นั้น ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มันเป็นสิ่งที่อันตรายต่อสุขภาพมาก ๆ เพราะทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้ นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพที่กล่าวมาแล้วยังมีการศึกษาวิจัยออกมาเผยแพร่ว่าฝุ่น PM 2.5 สามารถอาจทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกเสื่อมได้ ก่อนวัยได้ เห็นเช่นนี้แล้วก็อย่าลืมดูแลป้องกันตนเองกันให้ห่างไกลจาก ฝุ่น PM 2.5  

  

สนับสนุนโดย    วิธีสมัครหวยออนไลน์

นอนหลับไม่สนิท ปัญหาใหญ่สุขภาพ

นอนหลับไม่สนิท ปัญหาใหญ่สุขภาพ บางบุคคลมีเวลาการนอนสั้น แม้กระนั้นประสิทธิภาพของการหลับได้อาจไม่ดี ซึ่งบางครั้งอาจจะมีต้นเหตุจากจากปัจจัยภายในร่างกายทางด้านกรรมพันธุ์เข้ามาเกี่ยวพันรวมทั้งการปรับตัวของร่างกาย

ส่วนผู้ที่ชมีเวลาการนอนมาก ๆ แม้กระนั้นตื่นมาแล้วกลับไม่สดชื่น อาจเนื่องมาจากนอนได้เพียงระยะหลับตื้น ๆ หรือตื่นเป็นช่วง ๆ ส่งผลทำให้ลักษณะการทำงานของระบบหายใจ รวมทั้งเส้นโลหิตทำงานมาก ดังนั้นเวลาที่ตื่นมาแล้วกลับรู้สึกเหนื่อย ไม่สดชื่นแทนที่จะรู้สึกแจ่มใสมากกว่านี้

ตอนนี้ผู้เจ็บป่วยหลาย ๆ คน ที่มารับการตรวจร่างกาย กลับพบว่า มีปัญหาความไม่ปกติสำหรับการนอนร่วมด้วยแล้ว นอนหลับไม่สนิท ปัญหาใหญ่สุขภาพ ก็พบได้ทั่วไปมากขึ้นต่อเนื่อง นับว่าเป็นภัยเงียบที่เป็นสาเหตุสำคัญที่เพิ่มการเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ความดันเลือดสูง ป่วยเป็นเบาหวาน โรคสมอง โรคเส้นโลหิตหัวใจ

อาการที่อาจเป็นเพราะเนื่องจากการนอนไม่พอ ซึ่งพบมากในคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ง่วงหงาวหาวนอนแล้วก็เหนื่อยตอนกลางวัน คุณภาพความนึกคิดความจำลดน้อยลง ความจำสั้น ช่วงกลางคืนครึ่งกลับครึ่งตื่น นอนกรนและหยุดหายใจชั่วครู่ ซึ่งจะต้องได้รับการวิเคราะห์ที่ถูก เพื่อหาต้นเหตุที่ทำให้มีการเกิดอาการดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว

เพราะฉะนั้นการนอนที่ดีไม่ได้นับเป็นเวลาเพียง 8 ชั่วโมงแค่นั้น แม้กระนั้นยังขึ้นกับความลึกของการนอน เพื่อร่างกายและก็สมองได้รับการพักผ่อนหย่อนใจอย่างเต็มเปี่ยม และก็เวลานอน กับตื่นที่ถูกต้อง ไม่สมควรนอนดึกดื่นหรือตื่นสาย

นอนมาก ๆ ทดแทนช่วงเวลาที่ไม่ได้นอนได้จริงหรือ

อย่างที่เรารู้กันดีมาตลอดว่าระยะเวลาหรือปริมาณการนอนที่เหมาะสมที่คนเราควรจะนอนให้ได้ คือ 7-8 ชั่วโมง ก็น่าจะเหมาะสมแล้ว หากฝืนนอนต่อ หรือนอนเกินนี้ก็จะหลับ ๆ ตื่น ๆ เนื่องจากว่าร่างกายก็นั้นได้เก็บพลังงานมากพอแล้วกับความต้องการ หากนอนมากกว่านั้นร่างกายจะตื่นตัวน้อยลง และยิ่งนอนก็อาจจะยิ่งหลับไม่สนิท

หากปริมาณการนอนของเราต่ำกว่า 4 ชั่วโมง จะเท่ากับว่าเราอดนอน และถ้าเป็นเช่นนี้ติดต่อกันนาน 3 วัน คืนที่ 4 หากเข้านอนเมื่อใด ร่างกายจะดูแลตนเองโดยการทำให้คุณหลับลึกไปเลยตั้งแต่เริ่มแรก และถ้ายิ่งหลับได้นานพอ ร่างกายจะค่อย ๆ ซ่อมแซมตนเองและปรับให้คุณกลับมาสู่การนอนแบบปกติได้อีกครั้ง 

แต่หากคุณนอนไม่พอหรือตื่นก่อน 4 ชม. จะทำให้เมื่อเข้านอนอีกครั้งก็จะไม่สามารถทำได้ครบวงจร จะสามารถนอนลึกได้เพียงระยะสั้น ๆ อาจจะรู้สึกสดชื่นในช่วงเวลาสั้น ๆ รวมถึงความจำก็จะแย่ลง

 

อย่างไรก็ตามหากมีโอกาสที่จะได้นอนจนครบชั่วโมงการนอน ก็ควรจะรับโอกาสนั้นไว้ หากอดนอนติดต่อกันเกินสามวัน จะทำให้ร่างกายแย่ลงเรื่อย ๆ และไม่สามารถฟื้นฟูได้อีก

 

สนับสนุนโดย    หวยจับยี่กีเล่นยังไง

น้ำกระชายสด ทำขายรายได้ดีในวิกฤตินี้

โดยสาวร้านสติ๊กเกอร์เขาได้พบเจอกับวิกฤตโควิค 19 ที่ทำยอดขายร้านสติ๊กเกอร์ลดลงอย่างมากเขาก็เลยออกมาหารายได้เสริมทำน้ำกระชายผสมน้ำผึ้ง แล้วก็น้ำมะนาวนี่ถือว่าเป็นน้ำสมุนไพรต้านภัยโควิค 19 ส่งขายตามออนไลน์รายได้ครึ่งหมื่นต่อวันเลยทีเดียว 

นอกจากนี้เอาที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสนั่นก็คือน้องฝ้ายคนนี้เธอเป็นสาวเมืองสระบุรีเขาได้คิดค้นไอเดียนำกระชายมาสร้างมูลค่าเพิ่มนำเอาไปปั่นเพื่อเป็นน้ำสมุนไพรต้านโควิดน้องฝ้ายยังเล่าให้ฟังอีกว่าเขานั้นได้ดูข่าวว่ากระชายสามารถต้านภัยไวรัส covid-19 ได้แล้วก็เห็นว่าที่บ้านเธอนั้นได้ปลูกกระชายเอาไว้เต็มรอบบ้าน

เนื่องจากนี้น้องฝ้ายก็เลยได้ทำการทดลองผสมลองผิดลองถูกและยังผสมมะนาวกับน้ำผึ้งแท้ลงไปด้วยรับประทานกันในครอบครัวแจกให้ญาติพี่น้องให้ได้ดื่มลองผิดลองถูกอยู่ตั้งนานในที่สุดก็ได้รสชาติที่ลงตัวแล้วก็ได้เริ่มการขายแบบนี้นี่แหละ

ซึ่งน้องฝ้ายเธอก็ได้สาธิตให้ดูถึงวิธีการทำน้ำกระชายให้พวกเราได้เห็นกันเลยขั้นตอนแรกเขาเอาหัวกระชายมาล้างในน้ำสะอาดจากนั้นก็เอาไปหั่นเป็นแว่นๆแล้วนำเอาไปแช่ในน้ำเกลือเพื่อลดกลิ่นแล้วก็ลดรสชาติเฝื่อนงั้นก็นำเอามาปั่นด้วยเครื่องปั่นผสมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยพอปั่นละเอียดแล้วเขาก็นำน้ำกระชายมากรองด้วยตะแกรงเพื่อที่จะแยกกากออกแล้วก็ค่อยใส่น้ำผึ้งแท้และมะนาวลงไปผสมเข้าด้วยกัน

ดังนั้นก็นำเอาไปใส่ขวดแล้วนำเอาไปแช่ตู้เย็นเพื่อเป็นการรักษารสชาติเมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกยิ่งดีขึ้นและมีความอร่อยด้วยในทุกขั้นตอนการทำน้องฝ้ายยังบอกทีว่าเขาจะเน้นไปทางความสะอาดและอร่อยที่สำคัญจะต้องมีประโยชน์

หลังจากทำการขายใน Facebook มาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ปรากฏว่ามียอดสั่งซื้อเป็นจำนวนมากและในตอนนี้ก็ยังทำไม่ทันยอดที่สั่งมาในแต่ละวันคือยอดที่สั่งมาได้แต่ละวันนั้นประมาณ 200-300 ขวด เขาขายขวดละ 20 บาทเท่านั้นเอง ไม่มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 5000-6000 บาทใครที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้เลยที่ Facebook ชื่อว่าหนูฝ้ายสติ๊กเกอร์ 

จากนั้นเราก็มีข้อมูลเกี่ยวกับศึกษาคุณประโยชน์มาฝากกันในช่วงนี้ เมื่อกลางปีที่แล้วทีมวิทยาลัยมหิดล ก็ได้ออกมาแถลงข่าวพบว่าสารสกัดจากกระชายขาวมีสารสำคัญ 2 ตัวโดยสารทั้ง 2 ตัว สามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อจากร้อยเปอร์เซ็นต์ให้ลดลงเหลือศูนย์เปอร์เซ็นได้

นอกจากนี้ยังสามารถยับยั้งการผลิตไวรัสได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย หลายคนก็ยังสงสัยว่าถ้าจะกินกระชายสดเพื่อต้านภัยโควิด 19 ต้องรับประทานขนาดเท่าไหร่ก็คือประมาณครั้งละ250มิลลิกรัม

 

สนับสนุนโดย  วิธีซื้อหวยออนไลน์ lotto

เติมคอลลาเจนให้กับร่างกาย ด้วยการทานเห็ด

คอลลาเจนเป็นโปรตีนประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของ กรดอะมิโน (Amino Acid) หลายแบบต่อกัน ซึ่งกรดอะมิโน ที่มีมากที่สุด ที่อยู่ในคอลลาเจน ได้แก่ กรดอะมิโน Glycine, Proline, Hydroxyproline 

คอลลาเจนนั้น เป็นองค์ประกอบหลักของ ผิวหนัง กระดูก ข้อต่อ แล้วก็เยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย ปฏิบัติภารกิจโดยเป็นตัวช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย รวมทั้งเชื่อมเซลล์ทุกเซลล์ภายในร่างกายเข้าไว้ร่วมกัน ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนได้ลดลง และทุก ๆ ปี คอลลาเจนกลุ่มนี้ก็จะหายไปถึงร้อยละ 1.5  นำมาซึ่งการทำให้การเชื่อมต่อของเซลล์เยื่อในร่างกายแย่ลง

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็มีวิธีที่จะสามารถลดอัตราการสลายตัวของคอลลาเจนภายในร่างกายได้ง่าย ๆ โดยการเลือกทานอาหารที่ช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ในที่นี้เราจะมาแนะนำประโยชน์ของเห็ดที่เกี่ยวกับ                     คอลลาเจน จะเป็นอย่างไรนั้น ไปดูกันเลย

 

รู้หรือไม่ เห็ดทุกประเภท มีประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจน

-เห็ดมีมากมายสายพันธุ์มากยิ่งกว่า 30,000 สายพันธุ์ ทั้ง ๆ ที่กินได้ และกินไม่ได้ ซึ่งรูปร่างของเห็ดจะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรก คือ ก้านเห็ด (Stipe) และส่วนที่สอง คือ ดอกเห็ด (Pileus) 

-สารอาหารในเห็ดมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก มีโปรตีนสูง และไม่มีไขมัน รวมทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีที่ช่วยในการผลิตคอลลาเจนให้กับผิว นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น 

-เห็ดเข็มทอง (Golden Mushroom) มีประโยชน์ในการรักษาโรคตับ โรคกระเพาะ การอักเสบของลำไส้แบบเรื้อรัง ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง 

-เห็ดกระดุม  (Champignon Mushroom) ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และยังสามารถช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดของเราด้วย ช่วยทำให้ร่างกายมีการสร้างภูมิต้านทานต่อโรค

-เห็ดหลินจือ (Ganoderma lucidum) มีฤทธิ์เสริมระบบภูมิต้านทานร่างกาย ช่วยกำจัดเซลล์ของมะเร็ง และเนื้องอก ลดปริมาณของระดับน้ำตาลซึ่งอยู่ภายในเลือด รวมทั้งลดอาการโรคภูมิแพ้ และลดระดับความดันเลือดภายในร่างกายได้อีกด้วย

-เห็ดหูหนู ไม่ว่าจะเป็นเห็ดหูหนูดำ (Wood Ear Fungus) หรือเห็ดหูหนูขาว (Tremella Mushroom)  ทั้งสองจะมีประโยชน์ในด้านของการบำรุงเลือด บำรุงสมอง ลดอัตราการเสื่อมสภาพของเซลล์ร่างกาย มีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทาน ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ช่วยย่อยอาหาร บำรุงผิวพรรณ โดยเฉพาะเห็ดหูหนูขาว ที่มีช่วยกักเก็บความชุ่มชิ้นให้กับผิว ต้านอนุมูลอิสระ สรรพคุณของเห็ดหูหนูขาวจึงจัดเป็นไฟโต ไฮยาลูโรเนด (Hyaluronate) ตามธรรมชาติ 

มาถึงตรงนี้ทุกๆ คน คงจะเห็นแล้วว่าเห็ดนั้นเป็นอะไรใกล้ตัวที่คาดไม่ถึงว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องผิวพรรณ หากจะนึกถึงเมนูสุขภาพก็อย่าลืมลองหยิบเห็ดมาทำอาหารกันดูนะคะ ทั้งอร่อย ทั้งมีประโยชน์ และที่สำคัญหาง่าย ราคาไม่แพงอีกด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    หาเงินจากหวยหุ้น

วิธีง่าย ๆ ป้องกันโรคภูมิแพ้

 

สมัยนี้โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่อาจพบได้บ่อย และเป็นโรคยอดฮิตที่หลายคนก็อาจจะได้พบเจอกันอยู่แล้ว โดยโรคนี้จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ เพราะในปัจจุบันโลกของเรานั้นจะเต็มไปด้วย มลภาวะ ฝุ่นควัน สารพิษ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่อาจก่อให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรามีการทำงานมากขึ้น ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง และอาจส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการป่วยได้ง่าย

และเกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นในที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม โรคภูมิแพ้ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนี้ อาจมีอาการที่เกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ เช่น โรคภูมิแพ้อาหาร โรคภูมิแพ้ผิวหนัง และโรคภูมิแพ้อากาศ เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้ว โรคภูมิแพ้อากาศจะเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด ดังนั้น วันนี้เรามีวิธีง่าย ๆ มาแนะนำให้สำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้เพื่อป้องกันตนเองจากโรคภูมิแพ้ที่กำลังจะเกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นแล้วแต่เราไม่ทันรู้ตัวก็ได้ ว่าแต่จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย

การทำความสะอาดร่างกายอยู่เสมอ สิ่งสำคัญในการป้องกันตนเองจากโรคอื่น ๆ ไม่ใช่แค่โรคภูมิแพ้ คือการดูรักษาความสะอาดของร่างกายตนเองอย่างสม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา โดยหากเราชำระล้างทำความสะอาดร่างกายจะช่วยลดอาการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ ซึ่งการทำความสะอาดร่างกายจะเป็นการล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนร่างกายของเราไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น ควัน มลพิษ หรือแม้แต่เกสรดอกไม้ ก็อาจทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ หลังจากออกไปข้างนอกมาควรอาบน้ำทันทีเพื่อชำระล้างร่างกาย

การใส่เสื้อผ้าที่สะอาดอยู่เสมอ นอกจากการชำระล้างทำความสะอาดร่างกายแล้วนั้น การสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูสะอาด อาจจะช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายมีอาการแพ้ได้ เพราะการที่เราออกไปข้างนอกมา สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายนอกอาจจะติดตามเสื้อผ้าเรากลับมาก็ได้ เพราเสื้อผ้าเป็นแหล่งสะสมฝุ่น ควัน เลยก็ว่าได้ ดังนั้น ควรซักทำความสะอาด นำไปตากแดจัดเพื่อฆ่าเชื้อโรคไปในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเกิดเชื้อรา วิธีง่าย ๆ เพื่อป้องกันตนเองจากโรคภูมิแพ้คือการสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูสะอาดอยู่เสมอ 

การเลือกรับประทานอาหาร สิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีโภชนาการทางร่างกายสูง เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน และภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ซึ่งการที่เราเลือกรับประทานอาหารอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นได้ เพราะสารอาหารต่าง ๆ ที่เรารับประทานเข้าไป จะเข้าไปช่วยเพิ่มระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การป้องกันตนเองไม่เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นได้ง่าย คือ การเลือกรับประทานอาหารที่สามารถช่วยในเรื่องของการป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะ

 

 

สนับสนุนโดย  หวยออนไลน์ ruay

ดื่มกาแฟบ่อย ๆ เสี่ยงโรคอะไรบ้างนะ

ในสมัยปัจจุบันนี้ กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลายคนเลือกดื่มกันในช่วงเวลาเช้า ๆ เพราะเนื่องจากกาแฟจะช่วยทำให้ร่างกายมีกาเตือนตัวมากขึ้น ปลุกสมอง คลายเครียด และลดอาการเหนื่อยล้าได้ ซึ่งถ้าหากถามหาประโยชน์ของกาแฟนั้น ก็มีมากมายต่อร่างกายเช่นกัน โดยกาแฟจะช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคต่าง ๆ ได้

ไม่ว่าจะเป็น โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคเบาหวาน รวมไปถึง โรคพาร์กินสันได้อีกด้วย เนื่องจากในกาแฟจะมีสารตัวหนึ่ง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อสารคาเฟอีนซึ่งสารตัวนี้จะช่วยเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายของเรานั้นตื่นตัวกระปรี้กระเปร่า และรู้สึกมีพลังในการใช้ชีวิตมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่เราดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวันก็อาจมีผลข้างเคียงขึ้นกับร่างกายได้ เพราะกาแฟนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ซึ่งข้อดีก็มีมากมาย แต่ข้อเสียก็มีมากมายเช่นกัน ไม่ว่าเป็น ทำให้เกิดอาการใจสั่น ความดันโลหิตสูง หรือโรคอื่น ๆ อีกมากมาย

เพราะการดื่มกาแฟเป็นประจำจึงทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางอย่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราทุกคนก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟได้ เพราะการใช้ชีวิตในการทำงาน เราจึงต้องดึงกาแฟเข้ามาช่วยเพื่อกระตุ้นระบบประสาทให้ทำงานอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม วันนี้ เราจะมายกตัวอย่างผลเสียต่อการดื่มกาแฟบ่อย ว่าร่างกายของเราส่งผลเสีย และเสี่ยงต่อการเกิดโรคอะไรได้บ้าง 

โรคความดันโลหิต รู้หรือไม่ว่าการที่เราดื่มกาแฟมาก ๆ อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงขึ้นได้ เพราะในขณะที่เราดื่มกาแฟ หัวใจของเราจะทำการบีบตัว และคลายตัวมากขึ้นภายในเวลาไม่นาน ยิ่งถ้าเราดื่มเยอะ ๆ ดื่มบ่อย ๆ สารคาเฟอีนก็จะเป็นตัวที่เข้าไปกระตุ้น และส่งผลเสียได้มากขึ้นไปอีก

 

โรคไขมันในเลือดสูง หากใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงปลอดภัยจากโรค ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟที่ไม่ผ่านการรองรับ เพราะอาจส่งผลให้ร่างกายของเราเกิดการสะสมคอเลสเตอรอลในเลือดได้ไม่ดี ดังนั้น ผู้ที่ชื่นชอบในการดื่มกาแฟก็ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายตนเอง ไม่ควรดื่มเกินขนาดที่ร่างกายรับไหว เพราะอาจส่งผลเสีต่อร่างกายได้

 

โรคกระดูกพรุน เนื่องจากในกาแฟจะมีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่เข้าไปเพิ่มการขับแคลเซียมในร่างกายของเราออกมาทางปัสสาวะ เมื่อเราดื่มเข้าไปเยอะเท่าไหร่ คาเฟอีนก็จะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมของร่างกาย จึงอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวกับกระดูกได้ ดังนั้น หากผู้ที่มีแคลเซียมในร่างกายไม่เพียง ก็ควรงดการดื่มกาแฟจะดีกว่า 

 

สนับสนุนโดย.  แทงหวย